5 ขั้นตอนคิดต้นทุนเที่ยวรถบรรทุก ให้ไม่ขาดทุน พร้อมตัวอย่างคำนวณจริง

5 ขั้นตอนคิดต้นทุนเที่ยวรถบรรทุกให้คุ้ม ไม่ขาดทุน พร้อมตัวอย่างคำนวณจริง!

การบริหารธุรกิจขนส่งให้มีกำไร ไม่ใช่แค่เรื่องรถพร้อมหรือพนักงานเก่ง แต่หัวใจคือการเข้าใจ ต้นทุนค่าเที่ยวรถบรรทุก อย่างแท้จริง บทความนี้จะพาคุณรู้จักทุกองค์ประกอบต้นทุน ตั้งแต่ต้นทุนคงที่ ผันแปร วิธีคำนวณต่อตันต่อกิโลเมตร และวิธีตั้งราคาขนส่งให้ไม่ขาดทุน พร้อมตัวอย่างจริงที่เจ้าของกิจการมืออาชีพต้องรู้!

สารบัญ

ต้นทุนของรถบรรทุกมีกี่ประเภท?

การคำนวณ ต้นทุนค่าเที่ยวรถบรรทุก อย่างแม่นยำ ต้องเริ่มจากเข้าใจต้นทุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ:

1. ต้นทุนคงที่ (Fixed Costs)

เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ว่ารถจะวิ่งงานหรือจอดอยู่ เช่น:

  • ค่าผ่อนรถรายเดือน
  • ค่าประกันภัยรถบรรทุก
  • ค่าภาษีประจำปี (เฉลี่ยเป็นรายเดือน)
  • ค่าเสื่อมราคา
  • ค่าจ้างพนักงานประจำ เช่น คนขับ/ช่าง

2. ต้นทุนผันแปร (Variable Costs)

เป็นค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามการใช้งานของรถ เช่น:

  • ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
  • ค่าบำรุงรักษา: เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, ยาง, อะไหล่
  • ค่าทางด่วนหรือค่าผ่านทาง
  • ค่าล่วงเวลาของคนขับ

การแยกต้นทุนออกเป็น 2 ประเภทนี้ จะช่วยให้คุณเห็นภาพโครงสร้างต้นทุนอย่างชัดเจน และสามารถวางแผนคุมต้นทุนในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น

ปัจจัยที่มีผลต่อต้นทุน

ต้นทุนของรถบรรทุกไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยภายนอกอีกหลายด้านที่ส่งผลต่อ “ต้นทุนเฉลี่ยต่อเที่ยว” ซึ่งคุณควรพิจารณาเมื่อคำนวณ:

  • ประเภทของรถบรรทุก: ขนาดรถมีผลต่อค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง และค่าเสื่อมราคา เช่น รถ 10 ล้อ มีต้นทุนต่อกิโลเมตรสูงกว่ารถ 6 ล้อ
  • ระยะทางขนส่ง: ยิ่งวิ่งไกล ต้นทุนเชื้อเพลิง/ค่าทางด่วน/ค่าล่วงเวลาก็ยิ่งสูง
  • อายุการใช้งานของรถ: รถเก่ามักมีค่าบำรุงรักษาและความเสี่ยงเสียกลางทางสูงกว่ารถใหม่
  • สภาพการจราจร: รถติด = น้ำมันหมดไว วิ่งได้น้อย = ต้นทุนสูงขึ้น
  • ฤดูกาล/สภาพถนน: ช่วงฤดูฝนหรือถนนลูกรัง มีผลต่อความสึกหรอของรถและเวลาในการขนส่ง

การนำปัจจัยเหล่านี้มาร่วมพิจารณา จะช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนค่าเที่ยวรถบรรทุกได้แม่นยำยิ่งขึ้น และวางแผนต้นทุน-ราคาขนส่งให้เหมาะกับสถานการณ์จริง

5 ขั้นตอนคำนวณต้นทุนเที่ยวรถบรรทุก

เมื่อคุณเข้าใจโครงสร้างต้นทุนและปัจจัยที่มีผลแล้ว ต่อไปนี้คือ 5 ขั้นตอนที่เจ้าของกิจการขนส่งควรทำ เพื่อคำนวณต้นทุน “ต่อเที่ยว” ได้อย่างแม่นยำ:

✅ ขั้นตอนที่ 1: รวบรวมข้อมูลค่าใช้จ่ายทั้งหมด

  • รวบรวมใบเสร็จ: ค่าน้ำมัน, ค่าทางด่วน, ค่าซ่อม ฯลฯ
  • บันทึกค่าใช้จ่ายไม่มีใบเสร็จ: เช่น ค่าแรง ค่าล่วงเวลา
  • ตรวจบัญชีรายรับ-รายจ่ายย้อนหลัง

✅ ขั้นตอนที่ 2: คำนวณต้นทุนคงที่รายเดือน

นำค่าใช้จ่ายคงที่ทั้งหมดเฉลี่ยเป็นรายเดือน เช่น:

  • ค่าผ่อนรถ: 15,000 บาท
  • ประกันภัย: 2,000 บาท
  • ภาษี (เฉลี่ย): 83 บาท
  • ค่าเสื่อม: 5,000 บาท
  • ค่าจ้างพนักงาน: 20,000 บาท

รวม = 42,083 บาท/เดือน

✅ ขั้นตอนที่ 3: คำนวณต้นทุนผันแปรต่อกิโลเมตร

เช่น สมมติวิ่งเดือนละ 10,000 กม.

  • ค่าน้ำมัน: 25,000 บาท
  • ค่าซ่อม: 5,000 บาท
  • ค่าทางด่วน: 3,000 บาท
  • ค่าล่วงเวลา: 2,000 บาท

ต้นทุนผันแปร = (35,000 ÷ 10,000) = 3.5 บาท/กม.

✅ ขั้นตอนที่ 4: คำนวณต้นทุนรวมต่อกิโลเมตร

ต้นทุนรวม = ต้นทุนคงที่ต่อเดือน ÷ ระยะทาง + ต้นทุนผันแปร/กม.

= 42,083 ÷ 10,000 + 3.5 = 7.71 บาท/กม.

✅ ขั้นตอนที่ 5: คูณระยะทาง = ได้ต้นทุนต่อเที่ยว

ตัวอย่าง: ถ้าเที่ยวขนส่งไประยะทาง 300 กม.

ต้นทุนเที่ยวเดียว = 7.71 × 300 = 2,313 บาท

เทคนิคการตั้งราคาค่าขนส่งให้ไม่ขาดทุน

เมื่อคุณรู้ต้นทุนจริงต่อเที่ยวแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการกำหนด “ราคาค่าขนส่ง” ที่ไม่ขาดทุน และยังสามารถแข่งขันในตลาดได้

📌 ปัจจัยที่ควรคำนึงก่อนตั้งราคา:

  • ระยะทาง: วิ่งไกล = ต้นทุนเพิ่ม
  • ประเภทสินค้า: สินค้าพิเศษ เช่น แช่เย็น อันตราย = มีต้นทุนเพิ่ม
  • ต้นทุนรวมต่อกิโลเมตร: ต้องรู้ชัดก่อนบวกกำไร
  • ราคาตลาด: ควรเทียบราคาคู่แข่งที่เสนอลูกค้า
  • กำไรเป้าหมาย: ต้องบวกเผื่อค่าเสี่ยง ค่าเสียเวลา ค่าโอกาส

📊 วิธีตั้งราคาง่ายที่สุด:

ราคาขนส่ง = ต้นทุนรวมต่อกิโลเมตร × ระยะทาง × (1 + อัตรากำไรที่ต้องการ)

🧮 ตัวอย่าง 3 กรณี:

สถานการณ์ ต้นทุนรวม ระยะทาง กำไร ราคาที่ควรตั้ง
สินค้าทั่วไป 7.71 บ./กม. 300 กม. 20% 7.71 × 300 × 1.2 = 2,775.60 บาท
สินค้าแช่เย็น 8.50 บ./กม. 500 กม. 25% 8.50 × 500 × 1.25 = 5,312.50 บาท
สินค้าขนาดใหญ่ 10.00 บ./กม. 100 กม. 15% 10 × 100 × 1.15 = 1,150 บาท

การตั้งราคาที่ดีควรมี “ฐานจากต้นทุนจริง” แล้วค่อยเติม “กำไรเป้าหมาย” ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการตั้งราคาต่ำเกินหรือสูงเกินจนลูกค้าหนี

เคล็ดลับเพิ่มกำไรในธุรกิจขนส่ง

นอกจากคำนวณต้นทุนและตั้งราคาค่าขนส่งให้ถูกต้องแล้ว การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ในแต่ละด้านก็ช่วย “ลดต้นทุน + เพิ่มกำไร” ได้เช่นกัน

1. วางแผนเส้นทางให้ฉลาด

  • รวมเที่ยวกลับ ไม่วิ่งรถเปล่า
  • ใช้แผนที่/แอปช่วยวางเส้นทางล่วงหน้า
  • หลีกเลี่ยงช่วงรถติด หรืองานเร่งด่วนเกินความจำเป็น

2. บำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอ

  • เช็กสภาพรถตามรอบ: น้ำมันเครื่อง, ยาง, เบรก
  • ลดโอกาสเสียกลางทาง และลดค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่แบบไม่คาดคิด

3. ฝึกพนักงานขับรถให้ประหยัดและปลอดภัย

  • ขับนุ่มนวล ลดความเร็วเกินจำเป็น ช่วยประหยัดน้ำมัน
  • เรียนรู้การดูแลรถเบื้องต้น ลดปัญหาเล็ก ๆ ที่บานปลาย
  • เพิ่มมารยาทการบริการลูกค้า สร้างภาพลักษณ์องค์กร

4. ใช้เทคโนโลยีช่วยบริหารต้นทุน

  • GPS ติดตามรถ → ลดเวลาวิ่งหลงทาง / ตรวจสอบพฤติกรรมคนขับ
  • แอปจดบันทึกค่าใช้จ่าย → ไม่หลุดรายการ
  • ระบบ TMS (Transport Management System) → บริหารงานขนส่งแบบมืออาชีพ

“กำไรไม่ได้มาจากราคาที่ตั้งแพง แต่คือการบริหารต้นทุนให้แม่นยำ แล้วกำหนดราคาที่คู่แข่งสู้ไม่ได้แต่คุณยังเหลือกำไร”
ธพัศ แสงนุภา (เซลล์ตูน)

บทสรุป

การคำนวณ ต้นทุนค่าเที่ยวรถบรรทุก อย่างถูกต้องไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นหัวใจของการทำธุรกิจขนส่งให้ “อยู่รอด + มีกำไร” ได้อย่างแท้จริง

เจ้าของกิจการที่เข้าใจโครงสร้างต้นทุน รู้ว่าควรตั้งราคายังไง และมีระบบจัดการต้นทุนที่แม่นยำ ย่อมสามารถปรับตัวรับมือกับต้นทุนน้ำมันที่ผันผวน คู่แข่งที่ตัดราคาหรือสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง

ยิ่งถ้าคุณมีหลายคัน การรู้ต้นทุน “ต่อคัน ต่อเที่ยว” จะช่วยให้คุณวางแผนการใช้รถ เส้นทาง และรายได้ในแต่ละเดือนได้แบบมืออาชีพ

อย่ารอให้บัญชีติดลบก่อนถึงจะหันกลับมาคำนวณต้นทุน เพราะในธุรกิจขนส่ง ต้นทุนจริง ๆ อยู่ในรายละเอียดที่หลายคนมองข้าม

📞 อยากรู้ว่าค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวของคุณคุ้มไหม?

📞 โทร: 082-491-1193
📲 Line: กดที่นี่เพื่อแชทกับเซลล์ตูน
ธพัศ แสงนุภา (เซลล์ตูน) ยินดีช่วยคุณวางแผนต้นทุนเที่ยวรถให้เหมาะสม
พร้อมแนะนำรุ่นรถ ISUZU ที่เหมาะกับเส้นทางของคุณ
เพราะ วางแผนต้นทุนดี = กำไรมาแน่
📘 Facebook: เซลล์ตูนรับจบทุกเรื่องรถบรรทุก

ช่องทางติดต่อ สอบถาม และขอใบเสนอราคา

เซลล์ตูน ขายรถอีซูซุป้ายแดง
เซลล์ตูน ขายรถอีซูซุพร้อมตารางผ่อน