กฎระเบียบความปลอดภัยในการขนส่ง: อธิบายกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขนส่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่มีความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
I. บทนำ
ในโลกปัจจุบันที่การขนส่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในการขนส่งจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ การขนส่งที่ปลอดภัยไม่เพียงแต่ช่วยรักษาชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สถิติอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พบว่าในปี พ.ศ. 2563 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงถึง 14,825 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 842,716 คน นอกจากความสูญเสียทางด้านชีวิตและสุขภาพแล้ว อุบัติเหตุทางถนนยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี
เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนและสร้างความปลอดภัยในการขนส่ง รัฐบาลได้ออกกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ เพื่อควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงานของผู้ประกอบการขนส่งและพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถใช้ถนน กฎหมายและข้อบังคับเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การออกใบอนุญาตขับรถ การตรวจสภาพรถ การจำกัดชั่วโมงการทำงานของผู้ขับขี่ ไปจนถึงการกำหนดน้ำหนักบรรทุกและขนาดของรถ
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกกฎหมายและข้อบังคับที่สำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยในการขนส่งในประเทศไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยให้กับทุกคนบนท้องถนน
II. กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่
กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้ขับขี่ทุกคนมีความพร้อมและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน ข้อกำหนดเหล่านี้ครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การออกใบอนุญาตขับรถ การจำกัดชั่วโมงการทำงาน ไปจนถึงการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติด
ใบอนุญาตขับรถ
ใบอนุญาตขับรถเป็นเอกสารสำคัญที่แสดงว่าผู้ขับขี่มีความรู้ความสามารถในการขับขี่และมีความเข้าใจในกฎจราจร ในประเทศไทยมีใบอนุญาตขับรถหลายประเภทตามประเภทของยานพาหนะ เช่น ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ และใบอนุญาตขับรถบรรทุก ผู้ที่ต้องการขับขี่ยานพาหนะแต่ละประเภทจะต้องมีใบอนุญาตขับรถที่ตรงกับประเภทของยานพาหนะนั้นๆ
การขอใบอนุญาตขับรถต้องผ่านการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจในกฎจราจรและทักษะในการขับขี่ ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้รับใบอนุญาตขับรถซึ่งมีอายุ 5 ปี และสามารถต่ออายุได้เมื่อใบอนุญาตหมดอายุ
การขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถหรือใบอนุญาตหมดอายุถือเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ผู้ขับขี่อาจถูกปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
ชั่วโมงการทำงานและการพักผ่อน
การขับขี่ยานพาหนะเป็นเวลานานโดยไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพออาจส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าและลดความสามารถในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่อุบัติเหตุทางถนน เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว กฎหมายได้กำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานของผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ
ตามประกาศของกรมการขนส่งทางบก ผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะสามารถขับรถได้ไม่เกิน 9 ชั่วโมงต่อวัน และต้องหยุดพักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังจากขับรถติดต่อกัน 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังต้องมีเวลาพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงในทุกๆ 24 ชั่วโมง
การฝ่าฝืนข้อกำหนดเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานและการพักผ่อนถือเป็นความผิดตามกฎหมายและอาจส่งผลให้ผู้ขับขี่ถูกระงับหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ รวมถึงอาจมีบทลงโทษทางอาญา เช่น การปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติด
การขับรถภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากแอลกอฮอล์และสารเสพติดส่งผลต่อการตัดสินใจ การตอบสนอง และการประสานงานของร่างกาย ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการขับขี่อย่างปลอดภัย
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถขณะมึนเมา กฎหมายกำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และห้ามมีสารเสพติดในร่างกายขณะขับรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจในการเรียกตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติดของผู้ขับขี่ได้ทุกเมื่อ
ผู้ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดนี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีบทลงโทษตั้งแต่การปรับ การจำคุก ไปจนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ที่มึนเมาอาจต้องรับผิดชอบทางแพ่งและอาญาในความเสียหายที่เกิดขึ้น
การใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสาร
การใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารขณะขับรถเป็นพฤติกรรมที่อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากจะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิและไม่สามารถควบคุมรถได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ กฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เว้นแต่จะใช้อุปกรณ์เสริม เช่น หูฟังบลูทูธ หรือระบบสั่งงานด้วยเสียง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
การฝ่าฝืนข้อห้ามนี้มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากนี้ หากการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบทางแพ่งและอาญาในความเสียหายที่เกิดขึ้น
III. กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะ
เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยในการขนส่ง กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่ายานพาหนะทุกคันที่วิ่งบนท้องถนนมีความพร้อมใช้งาน มีสภาพที่ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ
การตรวจสภาพรถ
การตรวจสภาพรถเป็นกระบวนการที่สำคัญในการประเมินสภาพความพร้อมและความปลอดภัยของยานพาหนะ กฎหมายกำหนดให้ยานพาหนะทุกคันต้องผ่านการตรวจสภาพตามระยะเวลาที่กำหนด โดยความถี่ในการตรวจสภาพจะแตกต่างกันไปตามประเภทของยานพาหนะ เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องตรวจสภาพทุกปี ในขณะที่รถบรรทุกต้องตรวจสภาพทุก 6 เดือน
ในการตรวจสภาพรถ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบรายการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถ เช่น ระบบเบรก ระบบบังคับเลี้ยว ระบบไฟส่องสว่าง ยางรถยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ หากรถไม่ผ่านการตรวจสภาพ เจ้าของรถจะต้องดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องให้เรียบร้อยก่อนจึงจะสามารถนำรถกลับมาใช้งานได้
การใช้รถที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการตรวจสภาพถือเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ผู้ขับขี่อาจถูกปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
อุปกรณ์และส่วนควบของรถ
เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ยานพาหนะทุกคันต้องมีอุปกรณ์และส่วนควบที่จำเป็นตามที่กฎหมายกำหนด อุปกรณ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน และลดความรุนแรงของการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
อุปกรณ์และส่วนควบที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ ได้แก่
- ไฟส่องสว่าง: รถยนต์ต้องมีไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรก และไฟถอยหลังที่ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางในเวลากลางคืนและสื่อสารกับผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ
- เบรก: ระบบเบรกต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัยในทุกสถานการณ์
- ยาง: ยางรถยนต์ต้องมีความหนาของดอกยางตามที่กฎหมายกำหนด และไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยแตก เพื่อป้องกันการลื่นไถลและการระเบิดของยาง
- เข็มขัดนิรภัย: รถยนต์ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน และผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะเดินทาง
- กระจกมองข้างและกระจกมองหลัง: กระจกมองข้างและกระจกมองหลังต้องสะอาดและไม่มีรอยร้าว เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้อย่างชัดเจน
การใช้รถที่ไม่มีอุปกรณ์หรือส่วนควบที่จำเป็น หรืออุปกรณ์หรือส่วนควบชำรุด อาจส่งผลให้ผู้ขับขี่ถูกปรับตามกฎหมาย
น้ำหนักบรรทุกและขนาดของรถ
น้ำหนักบรรทุกและขนาดของรถเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยในการขนส่งและสภาพของถนน การบรรทุกเกินพิกัดหรือใช้รถที่มีขนาดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอาจทำให้รถเสียการทรงตัว ยากต่อการควบคุม และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ถนนและสะพานชำรุดเสียหายเร็วกว่าปกติ
กฎหมายกำหนดน้ำหนักบรรทุกสูงสุดและขนาดของรถที่อนุญาตให้วิ่งบนท้องถนน โดยมีข้อจำกัดแตกต่างกันไปตามประเภทของยานพาหนะและเส้นทางที่ใช้ ตัวอย่างเช่น รถบรรทุก 6 ล้อ มีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดไม่เกิน 15,000 กิโลกรัม ในขณะที่รถบรรทุก 10 ล้อ มีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดไม่เกิน 25,000 กิโลกรัม
การฝ่าฝืนข้อจำกัดเกี่ยวกับน้ำหนักบรรทุกและขนาดของรถมีบทลงโทษตามกฎหมาย โดยผู้ขับขี่อาจถูกปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังมีอำนาจในการสั่งให้ผู้ขับขี่ขนถ่ายสินค้าส่วนเกินออก หรือห้ามมิให้รถวิ่งบนถนนจนกว่าจะแก้ไขให้ถูกต้อง
IV. กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนส่ง
ผู้ประกอบการขนส่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความปลอดภัยในการขนส่ง เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการและควบคุมดูแลการดำเนินงานของธุรกิจขนส่ง กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนส่งจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างมาตรฐานและความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
ผู้ประกอบการขนส่งทุกประเภทต้องมีใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก ใบอนุญาตนี้เป็นหลักฐานแสดงว่าผู้ประกอบการมีความพร้อมและมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดในการดำเนินธุรกิจขนส่ง
การขอใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้องยื่นคำขอต่อกรมการขนส่งทางบก พร้อมเอกสารประกอบการต่างๆ เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท แผนธุรกิจ บัญชีรายชื่อรถขนส่ง และหลักฐานการประกันภัย ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆ ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต เช่น การตรวจสภาพรถเป็นประจำ การจัดอบรมพนักงานขับรถ และการจัดทำบันทึกข้อมูลการขนส่ง
การประกอบการขนส่งโดยไม่มีใบอนุญาตหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขในใบอนุญาตถือเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522
การประกันภัย
การประกันภัยเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางถนน กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องทำประกันภัยตามประเภทของยานพาหนะและกิจการขนส่งที่ดำเนินการ
- ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พรบ.): เป็นการประกันภัยขั้นพื้นฐานที่คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของบุคคลที่สามที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ผู้ประกอบการขนส่งทุกประเภทต้องทำประกันภัย พรบ. สำหรับรถทุกคันที่ใช้ในการขนส่ง
- ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ: เป็นการประกันภัยเพิ่มเติมที่คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลที่สาม และความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเอง ผู้ประกอบการขนส่งอาจเลือกทำประกันภัยภาคสมัครใจเพิ่มเติมตามความเหมาะสมของธุรกิจ
- ประกันภัยความรับผิดต่อผู้โดยสาร: เป็นการประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารต้องทำประกันภัยประเภทนี้
การไม่ทำประกันภัยหรือทำประกันภัยไม่ครอบคลุมตามที่กฎหมายกำหนดมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ผู้ประกอบการอาจถูกปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ หากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ประกอบการที่ไม่มีประกันภัยจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเอง
การจัดทำบันทึกการเดินรถและข้อมูลการขนส่ง
การจัดทำบันทึกการเดินรถและข้อมูลการขนส่งเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานของธุรกิจขนส่ง กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องจัดทำบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เช่น
- บันทึกการเดินรถ: บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางการเดินรถ เวลาออกเดินทาง เวลาถึงปลายทาง ระยะทางที่เดินทาง และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ข้อมูลผู้ขับขี่: บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขับขี่ เช่น ชื่อ-สกุล หมายเลขใบอนุญาตขับรถ และเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่
- ข้อมูลรถขนส่ง: บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับรถขนส่ง เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ประเภทของรถ และสภาพของรถ
- ข้อมูลสินค้า: บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ขนส่ง เช่น ประเภทของสินค้า น้ำหนัก และปริมาณ
ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญในการตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยของการขนส่ง ช่วยให้สามารถติดตามและตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ขับขี่ ตรวจสอบสภาพของรถ และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลสินค้าที่ขนส่ง นอกจากนี้ ข้อมูลเหล่านี้ยังเป็นประโยชน์ในการวางแผนและปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจขนส่ง
การไม่จัดทำบันทึกหรือจัดทำบันทึกไม่ถูกต้องถือเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522
ความปลอดภัยในการขนส่งเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้ประกอบการขนส่ง หรือหน่วยงานภาครัฐ การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขนส่งอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยให้กับทุกคนบนท้องถนน
ผู้ขับขี่ควรตระหนักถึงความรับผิดชอบในการขับขี่อย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ประมาท และไม่ขับรถภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด ผู้ประกอบการขนส่งควรให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ตรวจสอบคุณสมบัติของพนักงานขับรถ และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐควรมีบทบาทในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ตรวจสอบและควบคุมการดำเนินงานของผู้ประกอบการขนส่งอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความปลอดภัยในการขนส่งแก่ประชาชน
การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการขนส่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หากทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยและร่วมมือกันปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับอย่างจริงจัง เราจะสามารถลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนและสร้างสังคมที่มีความปลอดภัยในการเดินทางร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับความปลอดภัยในการขนส่ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก หรือติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดใกล้บ้านท่าน
ช่องทางติดต่อ สอบถาม และขอใบเสนอราคา