รถกระบะบรรทุกต่อตัวถังแบบไหนถึงถูกกฎหมาย? มือใหม่ควรรู้ ก่อนซื้อหรือต่อรถบรรทุกใช้งาน
รถกระบะบรรทุกต่อตัวถังให้ถูกกฎหมาย ต้องใช้รูปแบบที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง เช่น กระบะโปร่ง กระบะทึบ หรือตะแกรงตามแบบที่กำหนด ห้ามมีวัสดุปิดช่องโปร่ง และต้องมีขนาด ความสูง และส่วนยื่นของตัวถังไม่เกินมาตรฐาน เพื่อให้สามารถจดทะเบียนและใช้งานได้อย่างถูกต้อง
สารบัญบทความ
- เกริ่นนำ: รถบรรทุกลักษณะ 1 คืออะไร?
- ตัวถังแบบไหน “ผิดกฎหมาย”?
- แบบตัวถังที่ “กฎหมายรองรับ” สำหรับรถกระบะบรรทุก
- ส่วนสำคัญอื่นที่รถกระบะบรรทุกต้องมี
- คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังจะต่อรถใหม่หรือซื้อรถบรรทุก
- สรุป: ต่อตัวถังให้ถูกต้อง = ใช้งานได้ยาว ไม่โดนจับ
- ติดต่อเซลล์อีซูซุเพื่อขอคำปรึกษา
1. เกริ่นนำ: รถบรรทุกลักษณะ 1 คืออะไร?
รถบรรทุกลักษณะ 1 ตามประกาศของกรมการขนส่งทางบก หมายถึง รถกระบะบรรทุก ที่มีหรือไม่มีหลังคาก็ได้ ใช้สำหรับขนส่งสิ่งของทั่วไป โดยอาจมีการติดตั้งเครื่องทุ่นแรงหรือกระบะเทได้
รถประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง SME เกษตรกร และเจ้าของกิจการขนาดย่อม เนื่องจากมีต้นทุนไม่สูง ใช้งานคล่องตัว และรองรับการบรรทุกได้หลายประเภท
แต่การนำรถไป “ต่อตัวถัง” หรือ “ต่อหลังคา” เพื่อใช้งานให้เหมาะกับธุรกิจนั้น หากดำเนินการไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดของกรมขนส่ง อาจทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนได้ หรือถูกเรียกตรวจและถูกปรับภายหลังได้เช่นกัน
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า การต่อตัวถังที่ถูกกฎหมายควรเป็นแบบไหน ตัวถังแบบไหนเสี่ยงผิดกฎหมาย และควรระวังอะไรหากกำลังจะต่อรถใช้งานหรือซื้อรถบรรทุกคันใหม่
2. ตัวถังแบบไหน “ผิดกฎหมาย”?
หลายคนอาจเข้าใจว่าแค่ “ติดหลังคา” หรือ “ต่อคอก” กับรถกระบะบรรทุกก็เพียงพอสำหรับการใช้งาน แต่ในความเป็นจริง หากตัวถังที่ต่อขึ้นมา ไม่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก ก็จะถือว่าไม่สามารถจดทะเบียนได้ หรือมีความผิดหากถูกตรวจสอบระหว่างใช้งานบนท้องถนน
ตัวอย่างลักษณะการต่อตัวถังที่ เสี่ยงผิดกฎหมาย เช่น:
- ❌ ต่อคอกทึบตลอดแนวโดยไม่มีช่องโปร่งตามที่กฎหมายกำหนด
- ❌ ใช้วัสดุเช่น ไม้อัด เหล็กแผ่น หรืออลูมิเนียม ปิดทับช่องโปร่ง ของกระบะโปร่ง
- ❌ ความสูงของตัวถังเกินเกณฑ์ เช่น ต่อหลังคาสูงเกิน 4 เมตร หรือคอกสูงเกิน 110 ซม. โดยไม่เข้าเงื่อนไข
- ❌ รูปร่างตัวถังมีส่วนแหลมคมหรืออาจก่อให้เกิดอันตราย
- ❌ ตัวถังต่อไม่แน่นหนา หรือยึดกับแชสซีไม่ถูกวิธี
นอกจากนี้ บางคนอาจเข้าใจผิดว่า “ถ้าต่อเสร็จแล้วขับได้ ก็แปลว่าถูกกฎหมาย” ซึ่งไม่จริง เพราะสิ่งที่สำคัญคือ **ตัวถังต้องเป็นไปตามรูปแบบมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้** และผ่านการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ก่อนจดทะเบียนหรือแจ้งเปลี่ยนลักษณะรถ
การต่อผิดแบบแม้แต่เพียงจุดเดียว อาจทำให้รถของคุณกลายเป็น “รถผิดกฎหมาย” ได้โดยไม่รู้ตัว
3. แบบตัวถังที่ “กฎหมายรองรับ” สำหรับรถกระบะบรรทุก
กรมการขนส่งทางบกกำหนดรูปแบบของ ตัวถังส่วนที่บรรทุก สำหรับรถกระบะบรรทุกไว้อย่างชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 6 แบบหลัก ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกต่อใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แต่ละแบบจะเหมาะกับลักษณะสิ่งของที่บรรทุกแตกต่างกัน เช่น ของมีน้ำหนักมาก ของโปร่ง ของรูปทรงยาว หรือพืชผลเกษตรกรรม
สรุปลักษณะ 6 แบบตัวถังถูกกฎหมาย ได้แก่:
- แบบที่ 1 – กระบะโปร่งแนวตั้งสลับทึบ
เว้นช่องโปร่งขนาดไม่น้อยกว่า 5 ซม. และส่วนทึบไม่เกิน 10 ซม. (แนวดิ่ง) เหมาะสำหรับของทั่วไป เช่น ไม้ ท่อนเหล็ก พืชผล เป็นต้น - แบบที่ 2 – กระบะโปร่งทำด้วยตาข่ายหรือตะแกรงโลหะ
ช่องตะแกรงกว้างและสูงไม่น้อยกว่า 4 ซม. เหมาะสำหรับของน้ำหนักเบาหรือพรุน เช่น ผัก ผลไม้ สัตว์มีชีวิต - แบบที่ 3 – กระบะทึบ (ไม่มีช่องโปร่ง)
ด้านข้างและท้ายสูงไม่เกิน 60 ซม. หรือ 80 ซม. (ขึ้นกับน้ำหนักรถ) เหมาะกับของน้ำหนักมาก เช่น ดิน หิน ทราย - แบบที่ 4 – ทึบล่าง/โปร่งบน แบบ 2 ชั้น
ด้านล่างทึบตามแบบที่ 3 ส่วนบนเว้นช่องโปร่งตามแบบที่ 1 มีความสูงรวมไม่เกิน 90–110 ซม. เหมาะสำหรับของหนักที่ต้องมีระบายอากาศ - แบบที่ 5 – ทึบล่าง/โปร่งบน พร้อมประตูเปิดด้านข้างหรือท้าย
คล้ายแบบที่ 1 แต่สามารถเปิดประตูบรรทุกได้ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน - แบบที่ 6 – ทึบล่าง/โปร่งบนแบบตะแกรง
ส่วนโปร่งด้านบนทำด้วยตะแกรงหรือโลหะ ขนาดช่องตามข้อกำหนด เหมาะกับงานเกษตรหรือสัตว์
🚫 หมายเหตุสำคัญ: ห้ามนำวัสดุมาปิดช่องโปร่งในทุกกรณี เพราะจะถือว่าไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
💡 หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหนสำหรับสินค้าของคุณ สามารถปรึกษาผู้ขายหรือช่างต่อที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งได้โดยตรง
4. ส่วนสำคัญอื่นที่รถกระบะบรรทุกต้องมี
การต่อรถบรรทุกให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้จบแค่ตัวถัง แต่ยังรวมถึง องค์ประกอบและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยและการตรวจสภาพที่ผ่านได้จริง
องค์ประกอบสำคัญที่รถกระบะบรรทุกลักษณะ 1 ต้องมี ได้แก่:
- ✔️ ระบบเบรก: เบรกมือต้องมีแรงห้ามล้อไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และเบรกเท้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของน้ำหนักรถ
- ✔️ แผ่นบังโคลน: ต้องติดตั้งที่ล้อทุกล้อ และแผ่นบังโคลนล้อหลังสุดต้องสูงจากพื้นไม่เกิน 25 ซม.
- ✔️ เครื่องยนต์: ต้องมีค่ามลพิษและระดับเสียงไม่เกินเกณฑ์, มีฝาครอบเครื่องและท่อไอเสียที่ติดตั้งถูกตำแหน่ง
- ✔️ ขนาดตัวรถ: ความกว้างไม่เกิน 2.55 ม., ความยาวไม่เกิน 12 ม., ความสูงไม่เกิน 4 ม. และระยะส่วนยื่นหน้า/ท้ายตามที่กำหนด
- ✔️ เข็มขัดนิรภัย: ต้องมีทั้งด้านคนขับและผู้โดยสาร (ตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา)
- ✔️ โคมไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า: ต้องติดตั้งโคมไฟหน้า-ท้าย, ไฟเลี้ยว, ไฟถอย, ไฟเบรก, โคมไฟภายใน ฯลฯ ตามตำแหน่งและความสูงที่กฎหมายระบุ
- ✔️ แผ่นสะท้อนแสง: รถที่มีความยาวหรือขนาดตามเกณฑ์ ต้องติดแผ่นสะท้อนแสง (แบบ Class C) ทั้งด้านข้างและด้านท้าย
- ✔️ อุปกรณ์ GPS: สำหรับรถ 6 ล้อขึ้นไป ที่มี 3 เพลาหรือมากกว่า ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง (GPS) ที่ได้รับอนุมัติ
หากขาดเพียงรายการใดรายการหนึ่ง รถของคุณอาจไม่ผ่านการตรวจสภาพหรือถูกเรียกตรวจกลางทางได้
📌 ดังนั้น การตรวจสอบ “ความครบถ้วน” ของทั้งตัวถังและส่วนควบต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
5. คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังจะต่อรถใหม่หรือซื้อรถบรรทุก
หากคุณกำลังวางแผนซื้อรถบรรทุกใหม่ หรือกำลังจะนำรถที่มีอยู่ไปต่อคอกหรือตัวถังเพิ่มเติม มีสิ่งสำคัญที่ควรรู้และตรวจสอบให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้รถของคุณผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ
คำแนะนำเบื้องต้น:
- ✅ เลือกแบบตัวถังที่ได้รับการอนุญาต: ให้ดูจาก 6 แบบมาตรฐานที่กรมขนส่งกำหนด อย่าประดิษฐ์แบบใหม่เอง เพราะอาจไม่ผ่านการจดทะเบียน
- ✅ ห้ามใช้วัสดุปิดช่องโปร่ง: แม้จะเป็นเหตุผลเรื่องกันแดด ฝุ่น หรือความปลอดภัย หากผิดแบบก็ถือว่าไม่ถูกต้อง
- ✅ ใช้ช่างต่อหรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาต: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ต่อเป็นผู้มีประสบการณ์ และเข้าใจระเบียบของกรมขนส่ง
- ✅ ตรวจสอบความถูกต้องก่อนจดทะเบียน: ก่อนยื่นเรื่องจดทะเบียนหรือแจ้งเปลี่ยนลักษณะรถ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่ให้แน่ใจว่ารถผ่านทุกเงื่อนไข
- ✅ ซื้อจากดีลเลอร์ที่มีมาตรฐาน: หากซื้อรถใหม่พร้อมตัวถัง ควรเลือกดีลเลอร์ที่เข้าใจข้อกำหนด และมีประสบการณ์ต่อรถในรูปแบบที่ถูกต้อง
เพราะหากต่อตัวถังผิดแบบตั้งแต่ต้น จะต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อและแก้ไขใหม่ ซึ่งไม่คุ้มค่าในระยะยาว
💡 การวางแผนล่วงหน้าและเลือกผู้ให้บริการที่มีความรู้จึงเป็นสิ่งที่ช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาได้มาก
6. สรุป: ต่อตัวถังให้ถูกต้อง = ใช้งานได้ยาว ไม่โดนจับ
การใช้งานรถกระบะบรรทุกเพื่อขนส่งสินค้าในธุรกิจ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทั้ง ความปลอดภัย และ ความถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยอาจมองข้ามไป โดยเฉพาะในเรื่องของ “การต่อตัวถัง”
การเลือกต่อตัวถังตามแบบมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด จะช่วยให้:
- ✔️ สามารถจดทะเบียน/แจ้งเปลี่ยนลักษณะรถได้ทันที
- ✔️ ผ่านการตรวจสภาพประจำปีอย่างราบรื่น
- ✔️ ไม่เสี่ยงถูกจับหรือเสียค่าปรับจากการใช้รถผิดประเภท
- ✔️ เพิ่มมูลค่าให้รถเมื่อต้องการขายต่อ
ในทางตรงกันข้าม หากต่อผิดแบบแม้เพียงเล็กน้อย เช่น ปิดช่องโปร่ง, ความสูงเกินเกณฑ์ หรือไม่มีแผ่นสะท้อนแสงที่ถูกต้อง ก็อาจทำให้ใช้งานไม่ได้หรือเสียเวลาต้องแก้ไขใหม่ทั้งหมด
การลงทุนต่อรถให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจึงเป็นการ “ลงทุนระยะยาว” ที่คุ้มค่า และช่วยให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
7. ติดต่อเซลล์อีซูซุเพื่อขอคำปรึกษา
หากคุณกำลังวางแผนซื้อรถบรรทุก ISUZU หรือต้องการต่อกระบะตัวถังใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องการคำแนะนำแบบเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
7. ติดต่อเซลล์อีซูซุเพื่อขอคำปรึกษา
📞 โทร: 082-491-1193
📲 Line: https://line.me/ti/p/MUMua6b-U4
🌐 Facebook: เซลล์ตูนรับจบทุกเรื่องรถบรรทุก
ธพัศ แสงนุภา (เซลล์ตูน) ยินดีให้คำปรึกษาฟรี
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกแบบตัวถังที่ถูกต้อง การจดทะเบียนรถใหม่ ไปจนถึงการเลือกสเปกรถบรรทุกให้เหมาะกับงานของคุณ
ให้ผมช่วยดูแลทุกขั้นตอนของคุณอย่างมั่นใจ เพราะ รถบรรทุกที่ถูกกฎหมาย ใช้ได้ยาว ไม่ต้องกังวล
#รถบรรทุกอีซูซุ #ISUZU #ต่อตัวถังถูกกฎหมาย #เซลล์ตูนรับจบทุกเรื่องรถบรรทุก
ช่องทางติดต่อ สอบถาม และขอใบเสนอราคา