TSM: ผู้พิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนนไทย ดีเดย์บังคับใช้ 1 ม.ค. 68
ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ของโลกในเรื่องของอุบัติเหตุทางถนน โดยมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากในแต่ละปี สาเหตุหลักของอุบัติเหตุเหล่านี้มักเกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน และการขาดการบริหารจัดการความปลอดภัยในการขนส่งอย่างเป็นระบบ ปัญหานี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุเท่านั้น แต่ยังสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลอีกด้วย
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ภาครัฐได้ออกกฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องมีบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง หรือที่เรียกว่า “Transport Safety Manager” (TSM) ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมความปลอดภัยในการขนส่งทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสภาพรถ การฝึกอบรมพนักงานขับรถ ไปจนถึงการวางแผนเส้นทางและการจัดการเหตุฉุกเฉิน
TSM เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนน ที่จะช่วยลดความเสี่ยงและความสูญเสียจากอุบัติเหตุ ทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ
TSM คืออะไร?
TSM หรือ Transport Safety Manager คือบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ให้ทำหน้าที่บริหารจัดการความปลอดภัยในการขนส่งอย่างเป็นระบบ โดยครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่การจัดการรถ การบริหารจัดการพนักงานขับรถ การจัดการการเดินรถ การจัดการการบรรทุกและโดยสาร ไปจนถึงการวิเคราะห์และประเมินผล
TSM มีบทบาทสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการขนส่ง โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและพนักงานตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎจราจร การบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และการขับขี่อย่างรับผิดชอบ
หน้าที่ของ TSM ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การตรวจสอบและควบคุม แต่ยังรวมถึงการให้คำปรึกษา แนะนำ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจขนส่งอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ TSM จะทำหน้าที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยง คอยให้ความรู้และช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูกันว่า TSM มีภารกิจสำคัญอะไรบ้างในการดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน
ภารกิจ 5 ด้าน 18 ประการของ TSM
ภารกิจของ TSM ครอบคลุม 5 ด้านหลักๆ ได้แก่ การจัดการรถ การบริหารจัดการผู้ขับรถ การจัดการการเดินรถ การจัดการการบรรทุกและโดยสาร และการวิเคราะห์และประเมินผล โดยแต่ละด้านมีรายละเอียดดังนี้
-
การจัดการรถ:
- ตรวจสภาพรถก่อนใช้งานทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและปลอดภัย
- บำรุงรักษารถตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการชำรุดเสียหายและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
- จัดทำทะเบียนประวัติรถ เพื่อติดตามและตรวจสอบประวัติการใช้งาน การบำรุงรักษา และการเกิดอุบัติเหตุของรถแต่ละคัน
-
การบริหารจัดการผู้ขับรถ:
- คัดเลือกผู้ขับรถที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ทั้งในด้านทักษะการขับรถ ประวัติการขับขี่ และสุขภาพ
- กำหนดชั่วโมงการทำงานของผู้ขับรถให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการขับรถเมื่อร่างกายอ่อนล้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุ
- จัดอบรมพัฒนาความรู้และทักษะให้กับผู้ขับรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจร เทคนิคการขับรถปลอดภัย และการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
-
การจัดการการเดินรถ:
- วางแผนเส้นทางการเดินรถให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพถนน สภาพการจราจร และระยะเวลาในการเดินทาง
- กำหนดความเร็วในการเดินรถให้เหมาะสมกับสภาพถนนและสภาพอากาศ เพื่อป้องกันการขับรถเร็วเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ
- ควบคุมการใช้ความเร็วของผู้ขับรถโดยใช้เทคโนโลยี GPS หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับรถปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
-
การจัดการการบรรทุกและโดยสาร:
- ตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกของรถทุกคัน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรถและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
- จัดเก็บสัมภาระและสินค้าให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่หรือหล่นระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ
- ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยจัดเตรียมอุปกรณ์นิรภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนระหว่างการเดินทาง
-
การวิเคราะห์และประเมินผล:
- วิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อหาสาเหตุและแนวทางป้องกัน
- ประเมินประสิทธิภาพการทำงานของระบบบริหารจัดการความปลอดภัย เพื่อหาจุดบกพร่องและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
- ปรับปรุงแผนความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ภารกิจทั้ง 5 ด้าน 18 ประการนี้ เป็นเพียงภาพรวมของหน้าที่ความรับผิดชอบของ TSM ในการดูแลความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งในทางปฏิบัติ TSM อาจต้องรับผิดชอบงานอื่นๆ เพิ่มเติมตามลักษณะของธุรกิจและข้อกำหนดของกฎหมาย
ใครต้องมี TSM?
เพื่อให้การขนส่งในประเทศไทยมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งทุกประเภทต้องมี TSM โดยมีกรอบระยะเวลาบังคับใช้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
- ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566: รถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทาง, รถบรรทุกไม่ประจำทาง, รถโดยสารและรถบรรทุกส่วนบุคคล
- ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567: รถโดยสารไม่ประจำทาง (บุคคล), รถบรรทุกไม่ประจำทาง, รถโดยสารและรถบรรทุกส่วนบุคคล
- ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568: รถโดยสารและรถบรรทุกทุกคัน
ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อาจถูกดำเนินคดีและมีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท นอกจากนี้ การไม่มี TSM ยังอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของธุรกิจ เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการขนส่งมากยิ่งขึ้น
จะหา TSM ได้จากที่ไหน?
ผู้ประกอบการที่ต้องการมี TSM สามารถติดต่อได้ที่สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลและพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยในการขนส่ง
ท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดหาและพัฒนา TSM ได้ตามช่องทางต่อไปนี้
- โทร: 02-271-8888 ต่อ 6607-8 หรือ 02-2718619-20
- เว็บไซต์: www.tsmthai.com
- Line: @tsmthai
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานเอกชนหลายแห่งที่เปิดอบรมหลักสูตร TSM ให้กับผู้ที่สนใจ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความสะดวกและความเหมาะสม
บทสรุป
TSM ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ความปลอดภัยบนท้องถนนไทย การมี TSM ในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงและความสูญเสียจากอุบัติเหตุ แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และยกระดับภาพลักษณ์ของธุรกิจในระยะยาว
การลงทุนใน TSM จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการ พนักงาน และผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน
สำหรับผู้ประกอบการขนส่ง หากท่านยังไม่มี TSM หรือต้องการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้านความปลอดภัยในการขนส่งมากยิ่งขึ้น สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ที่สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานเอกชนที่เปิดอบรมหลักสูตร TSM
สำหรับประชาชนทั่วไป เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยบนท้องถนนได้ โดยเริ่มจากการเลือกใช้บริการขนส่งที่มี TSM และสนับสนุนผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการขนส่ง
ร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ถนนทุกสายในประเทศไทยปลอดภัยสำหรับทุกคน
ช่องทางติดต่อ สอบถาม และขอใบเสนอราคา