อนาคตอุตสาหกรรมไทย: โอกาสและความท้าทายในทศวรรษหน้า
ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในช่วงทศวรรษหน้า จากข้อมูลดัชนีอุตสาหกรรมล่าสุดประจำเดือนกรกฎาคม 2567 พบว่าภาพรวมการผลิตเริ่มฟื้นตัว โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.79% เมื่อเทียบกับปีก่อน [1] สะท้อนถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยหลังจากเผชิญกับความท้าทายในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุกภาคส่วน บางอุตสาหกรรมเติบโตอย่างโดดเด่น ในขณะที่บางอุตสาหกรรมยังคงเผชิญกับความท้าทาย การวิเคราะห์แนวโน้มและโอกาสในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนนโยบายและกลยุทธ์การพัฒนาในอนาคต
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นคือผลิตภัณฑ์ยาง โดยเฉพาะถุงมือยางทางการแพทย์ ซึ่งมีดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 14.70% [1] การเติบโตนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก โดยเฉพาะจากประเทศอินเดีย ยุโรป และจีน นอกจากนี้ การที่ผลิตภัณฑ์ยางไทยได้รับการรับรองมาตรฐาน EUDR ยังช่วยเพิ่มคำสั่งซื้อจากลูกค้าในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
โอกาสในอุตสาหกรรมยางไม่ได้จำกัดอยู่เพียงถุงมือยางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์และยางผสม การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตยางคุณภาพสูงจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก [2] นอกจากนี้ การมุ่งเน้นการผลิตผลิตภัณฑ์ยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจเป็นโอกาสใหม่ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมนี้
อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องคือเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน โดยมีดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 26.91% [1] การเติบโตนี้เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะเป็นแนวโน้มระยะยาว เปิดโอกาสให้ไทยพัฒนาตนเองเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่สำคัญของโลก
การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก [3] นอกจากนี้ การขยายตลาดไปยังประเทศที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในเอเชียและแอฟริกาอาจเป็นโอกาสใหม่สำหรับอุตสาหกรรมนี้
ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ โดยดัชนีผลผลิตลดลง 11.11% [1] สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอุตสาหกรรมทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ไทยมียอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสะสมถึง 8,095 คัน [1] แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของอุตสาหกรรมสู่เทคโนโลยีใหม่
การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า จะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยในอุตสาหกรรมนี้ [4] นอกจากนี้ การส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าอาจเป็นโอกาสใหม่สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่กำลังเผชิญกับความท้าทาย โดยดัชนีผลผลิตของชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ลดลง 11.96% [1] สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว คาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีการฟื้นตัวตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านปัญญาประดิษฐ์และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
การปรับตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยจะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและการสร้างนวัตกรรม การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการพัฒนาทักษะแรงงานในด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมนี้ [5] นอกจากนี้ การส่งเสริมการพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอาจเป็นโอกาสใหม่ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย
อุตสาหกรรมอาหารยังคงเป็นจุดแข็งของไทย โดยเฉพาะอาหารสัตว์สำเร็จรูปที่มีดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้น 17.83% [1] แสดงถึงศักยภาพของไทยในการเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก โอกาสในอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการผลิตอาหารสัตว์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารฟังก์ชัน และอาหารทางเลือกจากพืช อาจเป็นโอกาสใหม่สำหรับอุตสาหกรรมอาหารไทย [6] นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตและแปรรูปอาหาร เช่น เทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยี จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก
การปรับตัวสู่อุตสาหกรรมสีเขียวเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญที่จะส่งผลต่ออนาคตของอุตสาหกรรมไทย แม้ว่าข้อมูลในรายงานจะไม่ได้ระบุโดยตรง แต่แนวโน้มโลกด้านความยั่งยืนกำลังผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวสู่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น [7] การใช้พลังงานสะอาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมไทยในอนาคต
การพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดและการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนจะเป็นโอกาสใหม่สำหรับอุตสาหกรรมไทยในการสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก [8] นอกจากนี้ การปรับตัวสู่อุตสาหกรรมสีเขียวยังอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืน
การพัฒนาทักษะแรงงานจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยในอนาคต จากข้อมูลพบว่าดัชนีผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3.16% [1] แสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาทักษะแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 จะทำให้ความต้องการทักษะใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การลงทุนในการพัฒนาทักษะแรงงาน โดยเฉพาะในด้านดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในอนาคต [9] นอกจากนี้ การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมจะช่วยให้แรงงานไทยสามารถปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและเทคโนโลยีจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมไทยในอนาคต แม้ว่าข้อมูลในรายงานจะไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้โดยตรง แต่การพัฒนาเครือข่าย 5G โครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง [10]
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก นอกจากนี้ ยังอาจเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มสูง
การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่การผลิตที่มีมูลค่าสูงขึ้น แม้ว่าข้อมูลในรายงานจะไม่ได้ระบุตัวเลขการลงทุนด้าน R&D โดยตรง แต่การเพิ่มการลงทุนในด้านนี้จะช่วยสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต [11]
การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในการวิจัยและพัฒนาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการลงทุนด้าน R&D นอกจากนี้ การส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทข้ามชาติสู่ผู้ประกอบการในประเทศจะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทยโดยรวม
การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและมีความยั่งยืนจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมไทยในอนาคต บทเรียนจากวิกฤตโควิด-19 และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ [12]
การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การกระจายความเสี่ยงโดยการมีแหล่งวัตถุดิบและฐานการผลิตที่หลากหลาย และการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในระดับภูมิภาคและระดับโลก จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว
การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศและการขยายการลงทุนของไทยในต่างประเทศจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในอนาคต การดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าสูง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมชีวภาพ จะช่วยยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย [13]
ในขณะเดียวกัน การส่งเสริมให้บริษัทไทยขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังอาจช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ จากต่างประเทศได้
สรุปแล้ว อนาคตของอุตสาหกรรมไทยในทศวรรษหน้าจะเต็มไปด้วยทั้งโอกาสและความท้าทาย การปรับตัวสู่เทคโนโลยีใหม่ การพัฒนาทักษะแรงงาน การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และการสร้างความยั่งยืนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก การดำเนินนโยบายที่เหมาะสมและการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
[1] สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, “ภาพรวมดัชนีอุตสาหกรรมไทยประจำเดือนกรกฎาคม 2567”
[2] กระทรวงอุตสาหกรรม, “แผนแม่บทอุตสาหกรรมยางพารา พ.ศ. 2565-2570”
[3] สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, “แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทย 2565-2570”
[4] สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, “รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ปี 2566”
[5] สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ, “แผนที่นำทางการพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2565-2570”
[6] สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, “รายงานแนวโน้มนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต 2567”
[7] กระทรวงอุตสาหกรรม, “ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579)”
[8] สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, “แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2565-2580”
[9] กระทรวงแรงงาน, “แผนพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรม 4.0 (พ.ศ. 2565-2570)”
[10] กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, “แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570)”
[11] สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ, “นโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2563-2570”
[12] สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570)”
[13] สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569)”
ช่องทางติดต่อ สอบถาม และขอใบเสนอราคา